“ภูสอยดาว” เรื่องเล่าใต้เงาสน…

แผ่นหลังบรรทุกเป้ ไหล่เรียวเล็กบรรทุกกล้อง ทอดน่องท่องไพรไปตามเส้นทางรกชัฏ เป็นเส้นทางเลียบเลาะธารน้ำตกกับไหล่เขา จากจุดแรกถึงลานสนระยะทางราว 6.5 กิโลเมตร ไม่มีทางอื่นให้เลือกนอกจากทางเดินบนทางดิน

แผ่นหลังบรรทุกเป้ ไหล่เรียวเล็กบรรทุกกล้อง ทอดน่องท่องไพรไปตามเส้นทางรกชัฏ เป็นเส้นทางเลียบเลาะธารน้ำตกกับไหล่เขา จากจุดแรกถึงลานสนระยะทางราว 6.5 กิโลเมตร ไม่มีทางอื่นให้เลือกนอกจากทางเดินบนทางดิน  เดินไต่ความสูงชัน เดินผ่านเนินสูง…สูง…สูงชันขึ้นไปเรื่อยๆ เหงื่อผุดพราว ร่างเปียกชื้น เหนื่อย…และเหนื่อย
.
จากพื้นที่ราบด้านล่าง ระหว่างทางได้พบธารน้ำใสไหลริน สูงขึ้นไปในแนวพรงไพรป่าไผ่แตกใบเขียวขจี สูงขึ้นไปอีกป่าดิบเริ่มแน่นหนาสลับกับทุ่งกูดผาบนสันเขา ทางเดินสูงชันยาวเหยียด เหยียดตัวสู่ฟากฟ้าครามเข้ม กว่าจะเดินถึงยอดภู ร่างล้าโรยแรง ขืนกายไม่ขืนใจ ไกลอย่างไรต้องไปให้ถึง ฝืนขึ้นไปถึงทุ่งดอกไม้ใต้เงาสน สนสามใบสดสวยงามง่า เป็นสนป่าพนาสวรรค์ สนที่พลั้งเผลอมาผุดพราวบนแดนดินถิ่นมนุษย์ มาถึงจุดนี้ความเหนื่อยผ่อนคลาย ร่างกายผ่อนล้า ผืนป่าคือตัวยาช่วยรักษาความล้าระทม
.
สนธยา ดวงตะวันคล้อยเคลื่อนเลื่อนต่ำลง แสงเหลืองส้มทาบทับฟากฟ้า เตรียมตัวกล่าวลาทิวาวัน เวลาผ่านไป สุริยาผู้ยิ่งใหญ่หายลับ กลางวันมืดดับ ความดำมืดครอบงำผืนภู แสงไฟจากกองฟืนสอดสลับค้อมคำนับดวงดาวพันหมื่น แสงแห่งดาราค่อยๆ ขยับวับวาว แพรวพราวราวโลกแห่งจินตนาการ ไม่อยากเชื่อว่ามันงดงามถึงเพียงนี้ เป็นแสงดาวที่งดงามสมชื่อภู “ภูสอยดาว”
.
เวลาผ่านไป ลมแรงในคืนข้างแรมผัดผ่านมาเป็นจังหวะ แสงจากกองฟืนสะดุ้งตื่นไปกับสายลมหนาว เปลวเพลิงสะบัดไหว กิ่งสนแกว่งไกวนวลนุ่ม บางคนแทรกตัวเข้าไปในเต็นท์ บางคนยังเห็นราตรีน่าพิสมัย
.
ครึ่งคืนผ่านไป น้ำค้างระรานเราด้วยหยอดหยดรดเรือนร่าง อากาศเหน็บหนาวเติมเรื่องราวให้น่ากกกอด อากาศหนาวเหน็บทำให้รู้สึกอิจฉาใครบางคน อิจฉาคนที่ตะกองกอดพรอดพร่ำเป็นลำนำรักแห่งภูผา เขาทั้งสองเบียดตัวแนบชิดโอบกอดให้ไออุ่น  สุดท้าย เขาประคองเธอหายลับไปกับเงาไพรในเต็นท์เล็กๆ (คือภาพหนึ่งซึ่งเป็นสายใยแห่งความสุขบนภูแห่งนี้)
.
รุ่งสาง น้ำค้างคงค้างบนยอดหญ้า ดวงดาราเลือนหายไป…หายไปกับแสงทองแห่งวันใหม่
.
ผีเสื้อตัวใหญ่ขยับปีกเริงร่า แสงแดดสาดกระทบไม้ดอกนานาพันธุ์ ผู้คนตื่นแต่เช้า ก้าวเท้าไปดูพวกมันตกดอกออกใบ แข่งกันอวดกลีบเกสรราวเกรงพันธุ์ภมรไม่เมียงมอง ดอกไม้ที่พบมีมากมายหลายชนิด หากนับรวมที่ผันผ่านจากวานนี้มันมีมากเป็นร้อยพัน ทั้งไม้ดอกฤดูเดียว ไม้พุ่ม ไม้คลุมดิน กล้วยไม้ ไม้ยืนต้น อาทิ ดอกหงอนนาค (หน้าฝนบานเต็มลานสน) กระดุมเงิน กระดุมทอง หญ้าบัว กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์ ส่วนเจ้าดอกสีเหลืองๆ คล้ายดอกถั่วเบ่งบานอยู่เต็มท้องทุ่งเป็นไม้ในวงศ์ Papilionacea (Fabacea)
.
เสียงชัตเตอร์ลั่นดัง เสียงสายลมลั่นมา ภูสอยดาวเป็นสวนสวรรค์ของคนรักป่า สวนศรัทธาของคนรักการถ่ายภาพ บางคนเพลิดเพลินเกินเวลา ลืมไปว่าต้องลาภูกันแล้ว (ใครรักดอกไม้ไม่ว่าชายหรือหญิงคงมอบใจให้ภูแห่งนี้จนหมดสิ้น)
.
ตะวันทอแสงแรงขึ้น เขากับเธอเก็บเต็นท์ เก็บเรื่องราวแห่งพงไพรไว้ในใยรัก การจากลามาถึง ถึงเวลาร่ำลาภูสอยดาว ชั่วโมงสุดท้ายมาเยือนและผ่านไปอย่างรวดเร็ว ก่อนดึงเป้ขึ้นมาไว้บนบ่า เขากับเธอหันหน้ามามองมันอีกครั้ง รำพึงเบาๆ ราวให้สัญญา “ไปก่อนนะ วันหน้าจะมาใหม่ ขอให้เราได้กลับมาอีกครั้ง ลาก่อนภูสอยดาว”
.

[ngg_images source=”galleries” container_ids=”616″ display_type=”photocrati-nextgen_basic_thumbnails” override_thumbnail_settings=”0″ thumbnail_width=”240″ thumbnail_height=”160″ thumbnail_crop=”1″ images_per_page=”20″ number_of_columns=”0″ ajax_pagination=”0″ show_all_in_lightbox=”0″ use_imagebrowser_effect=”0″ show_slideshow_link=”1″ slideshow_link_text=”[Show slideshow]” order_by=”sortorder” order_direction=”ASC” returns=”included” maximum_entity_count=”500″]